หลังจากเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นในบ้านพิจิตร
วานิช ทำให้ ?จัน ดารา? (มาริโอ้
เมาเร่อ) และ ?เคน กระทิงทอง? (ชัยพล
จูเลี่ยน พูพาร์ต) สหายสนิทของเขาต้องหนีภัยอันเกิดจากการกระทำอันเหี้ยมโหดของ ?คุณหลวงวิสนันท์เดชา?
(ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ผู้ที่เขาคิดว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้านานถึง 17 ปี
ไปพำนักอยู่กับ ?คุณท้าวพิจิตรรักษา? (รัดเกล้า
อามระดิษ) ผู้เป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ที่เมืองพิจิตร
ช่วงระยะเวลาที่อยู่ที่เมืองพิจิตรนี้ จันเป็นสุขทั้งกายใจ
และรู้สึกถึงอิสรภาพของชีวิตอย่างแท้จริง เขายังคงติดต่อทางจดหมายกับ ?ไฮซินธ์?
(สาวิกา ไชยเดช)
เพื่อนหญิงในดวงใจอันเป็นรักบริสุทธิ์ของเขาอยู่เสมอมา
และคาดหวังว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับการตามค้นหาพ่อแท้ๆ
พร้อมการกลับมาล้างแค้นคุณหลวงที่เคยทำชีวิตวัยเด็กของเขาสลายไปด้วย
จันดารา ปัจฉิมบท
ยังคงเป้นการกลับมากำกับเองของ หม่อมหลวง พันธุ์เทวนพ เทวกุล จาก ภาคแรก และ
ชั่วฟ้าดินสลาย ที่ยังคงลายเส้นของเขาเอาไว้อย่างชัดเจนในทุกๆเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นความสนอกสนใจในด้านของ รายละเอียด ฉากเฉิก และ
ฉากโป๊โจ่งครึ่มๆที่กลายเป็น Talk of the Town จนมีคนมากหน้าหลายวัยอยากตีตั๋วเข้าไปดูตลอดไม่ขาดสาย
ซึ่งไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านคนอื่นเคยดูฉบับเก่าของ พี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร หรือไม่
เพราะโดยส่วนตัวความเห็นจากผมที่เคยได้ดูเวอร์ชั่นดังกล่าวมาแล้ว
อยากจะบอกได้ว่าส่วนตัวนั้นเป็นคนนึงที่ค่อนข้างชื่นชอบ 30
นาทีสุดท้ายของตัวหนังเป็นเอามาก เพราะอารมณ์ของความมือม่น และ ป่นปี้
พร้อมทั้งอารมณ์ความทุเรศ อุบาทว์ ที่เกิดขึ้นในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเนื้อเรื่อง 30
นาทีสุดท้ายของ จันดารา ภาคนั้นแหละ ก็เป็นเนื้อเรื่องเดียวกันกับ จันดารา
ปัจฉิมบท ที่มีความยาวเกือบ 2 ชั่วโมง
โดยถ้าหากว่า ปัจฉิมบท สามารถใช้เวลา 2
ชั่วโมงกว่า เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปจากภาคก่อน ได้เช่นเดียวกับการที่ภาค ปฐมบท
ได้ทำไว้ ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งสำหรับภาค ปัจฉิมบท
ที่ไม่สามารถทำออกมาได้ดีถึงครึ่งของ ปฐมบท เลยสักนิด
เพราะอารมณ์ทั้งหมดที่สัมผัสได้จากภาคนี้กลับเห็นจะเป็น ความอืดอาด ยืดยาด ในตัวบท
ที่วนเวียนๆอยู่กับการรำพึงรำพันถึงชีวิตของ จันดารา โดยที่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการสำนึกผิดของการล้างแค้นครั้งนี้
หนำซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจหรือไม่
ที่จะทำให้ตัวหนังสอดแทรกสถานการณ์ตลกๆเป็นระยะๆ
นั่นถือว่าเป็นอีกด้านนึงที่ทำลายความตึงเครียด และ อารมณ์ความอาลัยตายจาก
ในภาคนี้จนหมดสิ้นไม่ต่างจากภาคที่แล้วเลยสักนิด
ซึ่งสิ่งที่เห็นว่าจะเป็นความพัฒนาในภาคนี้
คงเห็นจะมีแต่การที่ผู้กำกับ ได้ลดเลิกให้ความสนใจกับฉากการมีเพศสัมพันธุ์ และ
ฉากโป๊ โดยไม่จำเป็น ให้ลดน้อยลงไม่เท่าภาคที่แล้ว
และเอาเวลามาสนใจกับเนื้อเรื่องหลักเสียๆซะส่วนใหญ่
(ที่น่าเสียดายเมื่อมันออกมาแล้วกลับแย่กว่าภาคที่แล้ว)
จนทำให้รู้สึกว่าฉากการมีเพศสัมพันธุ์ของตัวละครแต่ละตัว
ดูมีความหมายที่จะใส่เข้ามา และ
ดึงพาอารมณ์ความอุบาทว์ในบ้านหลังนี้จากคนดูได้ดีกว่าภาคที่แล้วเยอะพอสมควร
ในทางกลับกัน ด้านของ นักแสดง ในภาคนี้ เรียกได้ว่าเข้าขั้นน่าผิดหวังพอสมควร ไม่ว่ามันจะเกิดจากบทสนทนาที่เหมือนพูดเป็นคำๆ หรือว่าการแสดงที่แข็งเป็นท่อนไม้ แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือการที่ตัวหนังเต็มไปด้วยการแสดงๆแบบครึ่งๆกลางๆ ไม่ล้นแต่ก็ไม่เต็ม โดยเฉพาะหลายๆตัวละครหลัก ตั้งแต่ มาริโอ้ ยันถึง โช นิชิโนะ ที่เห็นก็จะมีแต่ คุณหลวง อย่าง คุณ ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ และ นิว ชัยพล ในบท เคน กระทิงทอง ที่ยังคงรักษามาตรฐานการแสดงของตนได้อย่างน่าสนใจเพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้วผมจึงคิดว่า จันดารา ปัจฉิมบท เป็นภาคที่ด้อยกว่าภาคแรกในแทบทุกด้าน ตั้งแต่ ด้านบท ลามกันไปถึงด้านของ อารมณ์ของหนัง ที่ดูไปดูมาแล้วยังออกแนวด้อยกว่า 30 นาทีสุดท้ายในภาคของพี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร เสียอีกหละ
No comments:
Post a Comment